ซัมเมอร์นี้เที่ยวภูฏาน
การเดินทางมาเยือนภูฏานในช่วงซัมเมอร์นั้น มั่นใจได้เลยว่าเหงื่อไม่ตกเหมือนซัมเมอร์ที่ไทยอย่างแน่นอน เพราะด้วยที่ตั้งของประเทศภูฏานอยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัยระหว่างอินเดียกับจีน มีภูมิประเทศที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาที่สลับซับซ้อน ส่งผลให้ภูฏานมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี จนได้รับสมญานามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย” เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความงดงามตามธรรมชาติและบรรยากาศอันเงียบสงบ
ช่วงฤดูร้อนในภูฏานจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ภูมิทัศน์จะเปลี่ยนเป็นสวรรค์อันเขียวขจี ประดับประดาไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทุ่งหญ้าและนาขั้นบันไดที่งดงาม คุณจะได้รับการโอบกอดด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดทุกเส้นทาง อุณหภูมิในตอนกลางวันเฉลี่ยอยู่ที่ 24-25 องศาเซลเซียส และเย็นลง 12-14 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน แม้ว่ามีฝนตกเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในแต่ละเมืองของภูฏาน
บริเวณชานเมืองของภูฏานจะมีความโดดเด่นในด้านกสิกรรมและปศุสัตว์ ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการดื่มด่ำกับวิถีชีวิตในท้องถิ่น ที่จะได้เห็นถึงประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของภูฏาน
ถ้าคุณมีแผนที่จะเดินทางไปยังภูฏานในช่วงฤดูร้อนนี้
นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ Bhutan Center
คัดมาให้คุณโดยเฉพาะ
1. โดชูลาพาส (Dochula Pass)
เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่เขตของเทือกเขาหิมาลัย บนระดับความสูง 3,100 เมตร สภาพอากาศโดยรอบมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ใครมาที่นี่จะสัมผัสได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ปราศจากมลพิษ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของสถูป ‘ดรุค วังเกล’ หรือเรียกว่าสถูปแห่งความเป็นศิริมงคลและสันติสุขของแผ่นดินจำนวน 108 องค์ สถูปทั้งหมดเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมหลังคาลาดเอียง ตั้งอยู่บนเนินเขาเรียงรายเป็น 3 ชั้น บริเวณรอบๆ ถูกประดับไปด้วยธงมนต์หลากสีสันเพื่อบูชาเทพแห่งป่าเขา ไม่เพียงแต่สถาปัตยกรรมสวยงามแปลกตาเท่านั้น แต่บริเวณนี้ยังเป็นสถานที่ชมเทือกเขาหิมาลัยที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของภูฏานอีกด้วย ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งจะสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้อย่างชัดเจน
2. พูนาคาซอง (Punakha Dzong)
เป็นป้อมปราการที่งดงามที่สุดในภูฏาน รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ตัวป้อมตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือแม่น้ำโพ และแม่น้ำโม ไหลมาบรรจบกันเหมือนโอบกอดพูนาคาซองเอาไว้อย่างแนบแน่น เมื่อข้ามสะพานมาจะพบกับสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรสวยงามตามแบบฉบับภูฏานดั้งเดิม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณทางศาสนา และร่องรอยทางวัฒนธรรม ปัจจุบันเป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน สถานที่ราชการ และวัด เมืองพูนาคายังถูกขนานนามว่าเป็นเมืองโรแมนติกที่สุดของภูฏาน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ และยังเป็นสถานที่ใช้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีเคเซอร์ นัมเกล วังชุก ในปี ค.ศ. 2011 อีกด้วย
3. เมืองฮา (Haa Valley)
เมืองฮา (Haa Valley) เป็นเมืองที่อยู่ถัดลงมาจากเมืองพาโรโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า เป็นเมืองที่สวยงามด้วยภูเขาสูงตระหง่านและป่าไม้เขียวชอุ่ม รายล้อมไปด้วยทุ่งข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ และมันฝรั่ง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่น สำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพจะต้องไม่พลาดไปชมป่ากุหลาบโบราณซึ่งเติบโตมานับพันปี ให้ทัศนียภาพที่น่าหลงใหลสำหรับผู้มาเยือน และหากโชคดีอาจได้เห็นฝูงจามรีเล็มหญ้าอยู่ริมถนนอย่างสงบสุข ไฮไลต์ของ Haa Valley อยู่ที่เส้นทางเดินป่าที่มีชื่อเสียง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “Haa Planters’ Trail” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางที่น่าทึ่งที่สุดในโลก
4. ตรองซาซอง (Trongsa Dzong)
ป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในภูฏาน เป็นสถานที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามของงานสถาปัตยกรรมภูฏานแบบดั้งเดิม บันไดหิน ตรอกซอกซอย และทางเดินเชื่อมต่อระหว่างอาคาร ตรองซาซองได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของราชวงศ์วังชุกก่อนขึ้นครองราชย์ เป็นเครื่องยืนยันถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของภูฏาน และเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจอย่างเจาะลึกถึงมรดกทางประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของประเทศภูฏาน